วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2559

รูปแบบและกลยุทธ์ของการบำรุงรักษา


             การบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์หมายถึงการปฏิบัติทั้งหมดที่กระทำต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นๆ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อซ่อมแซมเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหายให้กลับคืนสู่ภาพการใช้งานได้ดีตามกำหนด หรือรักษาให้เครื่องจักรและอุปกรณ์อยู่ในสภาพที่ดี หรือป้องกันมิให้เครื่องจักรและอุปกรณ์ชำรุดเสียหาย หรือปรับปรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ให้แข็งแรงและคงทนมากขึ้น ดูแลรักษาง่ายขึ้น หรือต้องดูแลรักษาน้อยลง ซึ่งจะเห็นได้ว่าการบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์สามารถทำได้หลายรูปแบบเพื่อให้เป็นไปตามที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น ดังนั้นเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการบำรุงรักษา และป้องกันความสับสนที่จะเกิดขึ้น จึงนิยมจำแนกกิจกรรมของการบำรุงรักษาทั้งหมดออกเป็นรูปแบบหรือประเภทต่างๆ


              นอกจากนี้รูปแบบของการบำรุงรักษาที่เหมาะสมสำหรับชิ้นส่วนหรือชุดส่วนประกอบแต่ละส่วนของเครื่องจักรและอุปกรณ์แต่ละชนิดและแบบยังแตกต่างกัน รวมถึงการจัดการงานบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์ทั้งหมดของโรงงานยังสามารถทำได้หลายลักษณะ ดังนั้นกลยุทธ์หรือวิธีการหลักที่จะนำไปสู่วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการจัดการงานบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์จึงถือว่าเป็นพื้นฐานที่สำคัญต่อมาจากการทำความเข้าใจรูปแบบของการบำรุงรักษา ซึ่งจะต้องทำการศึกษาให้ถ่องแท้เสียก่อนที่จะไปพิจารณาขั้นตอนในการดำเนินงานบำรุงรักษา
ต่อไป


รูปแบบของการบำรุงรักษา
              รูปแบบหรือประเภทของการบำรุงรักษานิยมจำแนกตามลักษณะของงานบำรุงรักษาที่กระทำต่อเครื่องจักรกลและอุปกรณ์หรือตามผลที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับเครื่องจักรและอุปกรณ์ ซึ่งโดยทั่วไปจำแนกออกเป็น 3 กลุ่มตามที่แสดงในรูปที่ 4.1 คือ
              1. การบำรุงรักษาแก้ไข ( corrective maintenance ) หรือการบำรุงรักษาหลังเหตุขัดข้อง ( breakdown maintenance ) หรือการใช้งานจนเกิดเหตุขัดข้องหรือชำรุดเสียหายแล้วค่อยทำการซ่อม ( run-to-failure หรือ operate-to-breakdown maintenance )
 
รูปที่ 4.1 รูปแบบของการบำรุงรักษา 
              2. การบำรุงรักษาป้องกัน ( preventive maintenance ) เป็นการบำรุงรักษาที่กระทำต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องจักรและอุปกรณ์เสื่อมสภาพหรือชำรุดเสียหาย หรือเพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องจักรและอุปกรณ์ยังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดี ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่ทำเป็นประจำ ( routine maintenance ) และสามารถกำหนดแผนการดำเนินงานล่วงหน้าได้ ( scheduled maintenance )


              3. การบำรุงรักษาปรับปรุง ( improvement maintenance ) เป็นการบำรุงรักษาที่กระทำต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อปรับปรุงให้เครื่องจักรและอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหายมีความแข็งแรงคงทนมากขึ้นจนไม่เกิดการชำรุดเสียหายในลักษณะเดิมอีก หรือให้มีอายุการใช้งานยืนยาวมากขึ้น หรือเพื่อปรับปรุงให้เครื่องจักรและอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนของเครื่องจักรและอุปกรณ์สามารถดูแลรักษาได้ง่ายขึ้นหรือให้มีการดูแลรักษาน้อยลง


การบำรุงรักษาแก้ไข
              แนวคิดและแนวทางในการดำเนินการบำรุงรักษาแก้ไขหรือการบำรุงรักษาหลังเหตุขัดข้องก็คือการปล่อยให้เครื่องจักรและอุปกรณ์ทำงานจนกระทั่งเกิดการชำรุดเสียหาย และจะทำการซ่อมแซมหรือเปลี่ยน ชิ้นส่วนหรือเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหายก็ต่อเมื่อเกิดปัญหาที่แน่ชัดขึ้นแล้ว เช่น การแตกหัก หรือการสึกหรอของชิ้นส่วนจนเครื่องจักรและอุปกรณ์ไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป เป็นต้น สำหรับการบำรุงรักษาแก้ไขนี้ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด ( ดูรูปที่ 4.2 )คือ การบำรุงรักษาแก้ไขชนิดที่ไม่มีแผน ( unplanned corrective maintenance )หมายถึงการบำรุงรักษาที่กระทำต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีการชำรุดเสียหายโดยไม่มีการกำหนดไว้ล่วงหน้า และการบำรุงรักษาแก้ไขชนิดที่มีแผน ( planned corrective maintenance ) หมายถึงการบำรุงรักษาที่กระทำต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีอาการหรือสิ่งบ่งบอกถึงการชำรุดเสียหายที่จะเกิดขึ้นแต่ยังสามารถใช้งานต่อไปได้อีกระยะหนึ่งที่เพียงพอในการวางแผนและเตรียมการบำรุงรักษา เพื่อทำการแก้ไขก่อนที่การชำรุดเสียหายจะเกิดขึ้นจนกระทั่งต้องหยุดเครื่องจักรและอุปกรณ์ดังกล่าว
              รูปที่ 4.2 ชนิดของการบำรุงรักษาแก้ไข
           ข้อได้เปรียบของการบำรุงรักษาแก้ไขชนิดที่ไม่มีแผนจะใช้ได้ดีกับเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่การหยุดของเครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นๆไม่มีผลต่อการผลิต โดยการชำรุดเสียหายของชิ้นส่วนของเครื่องจักรและอุปกรณ์ไม่ทำให้ชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องอื่นชำรุดเสียหายไปด้วย และใช้กับเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีลักษณะของการชำรุดเสียหายที่เกิดขึ้นไม่แน่นอนหรือไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด รวมทั้งไม่มีเวลาเตือนหรืออาการที่บ่งบอกล่วงหน้าถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นด้วย

              ส่วนข้อเสียเปรียบของการบำรุงรักษาแก้ไขชนิดที่ไม่มีแผนก็คือ หน่วยงานบำรุงรักษาต้องปฏิบัติงานซ่อมแซมเครื่องจักรและอุปกรณ์โดยไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะดำเนินงานซ่อมบำรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ใดและอย่างไร จึงเปรียบเสมือนกับเครื่องจักรและอุปกรณ์เป็นตัวควบคุมการทำงานของหน่วยงานบำรุงรักษา และหากเป็นเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีผลโดยตรงต่อการผลิต และถ้าเครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นมีการชำรุดเสียหายโดยไม่รู้ล่วงหน้าก็จะทำให้การผลิตต้องหยุดโดยไม่รู้ล่วงหน้าตามไปด้วย ซึ่งก็จะเป็นผลให้มีการสูญเสียรายได้จากการผลิต และในบางกรณีก็อาจมีการสูญเสียวัสดุและผลิตภัณฑ์ที่ยังค้างอยู่ในกระบวนการผลิตในขณะที่เครื่องจักรและอุปกรณ์ชำรุดเสียหายไปด้วย นอกจากนี้ความต้องการในการสำรองอะไหล่เพื่อเตรียมไว้ซ่อมแซมเครื่องจักรและอุปกรณ์มักจะสูงตามไปด้วย เนื่องจากเมื่อมีการชำรุดเสียหายเกิดขึ้นก็ต้องการที่จะดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งแนวโน้มของอะไหล่ที่สำรองไว้จะกลายเป็นอะไหล่ที่ไม่ได้ใช้งาน ( dead stock ) ในอนาคตก็มีมากขึ้นด้วย เนื่องจากเหตุผลเดียวกันข้างต้น

              เมื่อพิจารณาถึงแนวความคิด ข้อได้เปรียบ และข้อเสียเปรียบของการบำรุงรักษาแก้ไขชนิดที่ไม่มีแผนแล้ว จะเห็นว่าเป็นรูปแบบของการบำรุงรักษาที่ไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ควรนำไปใช้กับเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีข้อได้เปรียบและมีลักษณะเฉพาะที่ชัดเจนตามที่ได้อธิบายไว้แล้วข้างต้นเท่านั้น ซึ่งถ้านำไปใช้กับเครื่องจักรและอุปกรณ์ทั้งหมดของโรงงานแล้ว ก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูงทั้งค่าใช้จ่ายทางตรง ( ได้แก่ ค่าแรงงาน ค่าอะไหล่ ค่าวัสดุ และอื่นๆ ) และค่าใช้จ่ายทางอ้อม ( ได้แก่ ค่าสูญเสียรายได้จากการผลิต )  ส่วนพนักงานซ่อมบำรุงก็จะมีงานล้นมือ มีการทำงานล่วงเวลาเกือบตลอดเวลา ต้องเผชิญกับงานซ่อมเร่งด่วนแทบทุกวัน และอาจถึงขนาดที่ต้องทิ้งงานเร่งด่วนที่กำลังทำอยู่ไปทำงานที่เร่งด่วนมากกว่า  นอกจากนี้ยังพบว่าโรงงานที่ใช้หรือเน้นไปที่การบำรุงรักษาแก้ไขชนิดที่ไม่มีแผนเป็นหลักมักมีความพยายามที่จะลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาโดยการใช้อะไหล่ที่มีราคาถูก และการจ้างแรงงานที่ไม่มีประสบการณ์แต่ค่าจ้างถูก ซึ่งการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวแทนที่จะได้ผลตามที่ต้องการ แต่กลับเป็นการซ้ำเติมปัญหาให้หนักขึ้นไปอีก

              สำหรับการบำรุงรักษาแก้ไขชนิดที่มีแผนนั้น จะดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อเครื่องจักรและอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนของเครื่องจักรและอุปกรณ์มีลักษณะของการชำรุดเสียหายที่มีเวลาเตือนหรืออาการที่บ่งบอกก่อนที่จะเกิดการชำรุดเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้ต่อไปหรือเกิดการชำรุดเสียหายที่จะทำให้ชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์อื่นชำรุดเสียหายไปด้วย และจำเป็นจะต้องมีการตรวจสอบสภาพของชิ้นส่วนหรือเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่คาดว่าจะมีการชำรุดเสียหายเป็นระยะๆเพื่อดูว่าชิ้นส่วนหรือเครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นๆมีอาการหรือสิ่งบ่งบอกว่าได้เกิดการชำรุดเสียหายขึ้นแล้วหรือไม่ โดยการตรวจสอบสภาพดังกล่าวนี้ถือว่าเป็นการบำรุงรักษาอีกรูปแบบหนึ่งที่เรียกว่าการบำรุงรักษาป้องกันทางอ้อมซึ่งจะได้อธิบายในรายละเอียดต่อไปแต่เมื่อการตรวจสภาพพบว่ามีอาการหรือสิ่งบ่งบอกว่าได้เกิดการชำรุดเสียหายเกิดขึ้นแล้ว การปฏิบัติต่อเครื่องจักรเพื่อแก้ไขเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ชำรุดเสียหายให้กลับสู่สภาพการใช้งานได้ดีตามเดิมโดยมีการเตรียมความพร้อมในด้านบุคลากร อะไหล่ และเครื่องมือ ไว้ล่วงหน้า รวมทั้งมีการกำหนดเวลาที่จะทำการบำรุงรักษาที่จะไม่กระทบกระเทือนต่อการผลิตหรือให้มีผลกระทบน้อยที่สุดนั้น    ก็จะเรียกว่าการบำรุงรักษาแก้ไขชนิดที่มีแผน ซึ่งข้อได้เปรียบของการบำรุงรักษาแก้ไขชนิดที่มีแผนนี้ก็คือเวลาที่ใช้ในการซ่อมแซมก็จะลดลงเนื่องจากมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า และการสูญเสียรายได้จากการผลิตก็จะลดลง หรืออาจจะไม่มีเลยก็เป็นไปได้หากมีการจัดจังหวะเวลาการซ่อมที่ไม่ให้กระทบกระเทือนต่อการผลิตเป็นผลให้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์โดยรวมลดลง และถือได้ว่าหน่วยงานบำรุงรักษาเป็นผู้ควบคุมเครื่องจักรหรือสามารถให้เครื่องจักรหยุดทำงานได้ตามที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้า ไม่ได้ให้เครื่องจักรควบคุมหน่วยงานบำรุงรักษาหรือเครื่องจักรและอุปกรณ์จะชำรุดเสียหายเมื่อใดก็ไม่สามารถล่วงรู้ได้ดังเช่นในกรณีของการบำรุงรักษาแก้ไขชนิดที่ไม่มีแผน นั่นก็คือเมื่อใดที่เครื่องจักรและอุปกรณ์ชำรุดเสียหายจนจำเป็นต้องหยุด หน่วยงานบำรุงรักษาก็จะต้องมาทำการซ่อมแซมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นวันและเวลาใดก็ตาม

การบำรุงรักษาป้องกัน
             แนวความคิดและแนวทางในการดำเนินการบำรุงรักษาป้องกันที่ปฏิบัติต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนของเครื่องจักรและอุปกรณ์ ก็คือข้อขัดข้องที่จะนำไปสู่การชำรุดเสียหายของเครื่องจักรและอุปกรณ์สามารถที่จะป้องกันได้ จึงเป็นการดำเนินงานก่อนที่จะเกิดปัญหาหรือข้อขัดข้องกับเครื่องจักรและอุปกรณ์ และจะเป็นการดำเนินงานในขณะที่เครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นๆยังใช้งานได้ดีตามกำหนด การบำรุงรักษาป้องกันยังสามารถแบ่งตามผลที่จะเกิดขึ้นกับเครื่องจักรและอุปกรณ์ออกได้เป็น 2 ชนิด ( ดูรูปที่ 4.3 ) คือ การบำรุงรักษาป้องกันทางตรง ( direct preventive maintenance ) และการบำรุงรักษาป้องกันทางอ้อม ( indirect preventive maintenance ) 
 
 รูปที่ 4.3 ชนิดของการบำรุงรักษาป้องกัน

              การบำรุงรักษาป้องกันทางตรงก็คือกิจกรรมการบำรุงรักษาที่มีผลโดยตรงต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์ ได้แก่ การปรับตั้ง การหล่อลื่น การทำความสะอาดและการเปลี่ยนชิ้นส่วน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าแน่นอนโดยไม่คำนึงถึงสภาพที่เป็นอยู่ของเครื่องจักรและอุปกรณ์ในขณะที่ดำเนินการตัวอย่างเช่นในกรณีของการเปลี่ยนชิ้นส่วนหรือสารหล่อลื่น เมื่อครบกำหนดระยะเวลาก็จะทำการเปลี่ยนชิ้นส่วนหรือสารหล่อลื่นนั้นๆเลยโดยไม่คำนึงว่าชิ้นส่วนหรือสารหล่อลื่นนั้นยังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ต่อไปอีกหรือไม่ ซึ่งช่วงระยะเวลาที่กำหนดให้ดำเนินการก็จะเป็นช่วงเวลาที่คาดว่าจะต้องดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องจักรและอุปกรณ์ชำรุดเสียหายหรือเพื่อเปลี่ยนก่อนที่ชิ้นส่วนหรือสารหล่อลื่นจะชำรุดเสียหายหรือเสื่อมสภาพ ดังนั้นจึงนิยมที่จะเรียกการบำรุงรักษาทางตรงนี้อีกชื่อหนึ่งว่าการบำรุงรักษาตามกำหนดเวลาที่แน่นอน ( fixed time maintenance ) สำหรับการกำหนดรายละเอียดของการบำรุงรักษาทางตรงหรือการบำรุงรักษาตามกำหนดเวลาแน่นอนนั้น ผู้ผลิตเครื่องจักรและอุปกรณ์จะเป็นผู้กำหนดจากมาตรฐานที่ใช้อ้างอิงต่างๆและประสบการณ์ของผู้ผลิตโดยส่วนใหญ่จะพิจารณาจากสภาวะการใช้งานและสภาพแวดล้อมทั่วไป ซึ่งผู้ใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นๆจำเป็นจะต้องนำเอารายละเอียดของการบำรุงรักษาตามกำหนดเวลาที่แน่นอนดังกล่าวมาพิจารณาปรับปรุงให้สอดคล้องสภาวะการใช้งานและสภาพแวดล้อมของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เป็นจริง ทั้งในส่วนของรายละเอียดของกิจกรรมและส่วนของช่วงระยะเวลาที่จะต้องดำเนินการ 

              การบำรุงรักษารูปแบบนี้จะเหมาะสมกับเครื่องจักรและอุปกรณ์รวมถึงชิ้นส่วนและสารหล่อลื่นของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีลักษณะของการชำรุดเสียหายที่เกิดขึ้นค่อนข้างแน่นอนหรือพอคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด และไม่มีเวลาเตือนหรืออาการบ่งบอกล่วงหน้าถึงการชำรุดเสียหายที่จะเกิดขึ้น เช่น สปริง และหลอดไฟฟ้า เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามชิ้นส่วนหรือสารหล่อลื่นของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีลักษณะของการชำรุดเสียหายที่เกิดขึ้นค่อนข้างแน่นอนและมีเวลาเตือนล่วงหน้าถึงการชำรุดเสียหายที่จะเกิดขึ้น ในหลายๆกรณีอาจเหมาะสมกับการบำรุงรักษาตามกำหนดเวลาที่แน่นอน เช่น ในกรณีของการตรวจสภาพไม่สามารถทำได้หรือทำได้ก็จะมีค่าใช้จ่ายสูงไม่คุ้มกับการลงทุนหรือเป็นชิ้นส่วนของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่สำคัญมีกำหนดการหยุดการทำงานที่แน่นอนทำให้ต้องมีการเปลี่ยนในช่วงทีเครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นหยุดทำงานเป็นต้นข้อได้เปรียบของการบำรุงรักษาป้องกันทางตรงก็คือถ้าดำเนินการอย่างถูกต้องและอยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้วก็จะสามารถลดการสูญเสียรายได้จากการผลิตเนื่องจากต้องหยุดเครื่องจักรและอุปกรณ์ลงได้ เนื่องจากกิจกรรมของการบำรุงรักษาป้องกันทางตรงสามารถป้องกันหรือลดจำนวนการชำรุดเสียหายของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่จะเกิดขึ้นโดยมิได้คาดหมายไว้ลงได้ นอกจากนี้กิจกรรมของการบำรุงรักษารูปแบบนี้ยังสามารถนำมาจัดทำเป็นแผนการบำรุงรักษาได้เป็นผลให้พนักงานของหน่วยงานบำรุงรักษามีงานเร่งด่วนและการทำงานล่วงเวลาที่น้อยลง รวมทั้งในบางกรณีอาจทำให้อายุการใช้งานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ยืนยาวขึ้นด้วย


              ข้อเสียของการบำรุงรักษาป้องกันทางตรงก็คือการกำหนดให้มีการดำเนินงานบำรุงรักษาตามระยะเวลาที่แน่นอนนั้น อาจเป็นการดำเนินการที่เร็วหรือช้าเกินไปก็ได้ทั้งนี้เนื่องจากอายุการใช้งานของชิ้นส่วนของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เลือกใช้การบำรุงรักษารูปแบบนี้ แม้ว่าจะค่อนข้างแน่นอนก็ตามแต่ก็ยังคงมีการแปรผันไปตามปัจจัยต่างๆบ้าง ดังนั้นถ้าดำเนินการเร็วเกินไปหรือดำเนินการก่อนที่ชิ้นส่วนจะชำรุดเสียหายหรือสารหล่อลื่นที่ใช้จะเสื่อมสภาพจนไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไปก็จะเป็นการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย หรือถ้าดำเนินการช้าเกินไปเครื่องจักรและอุปกรณ์ก็อาจชำรุดเสียหายจนต้องหยุดทำงาน เป็นผลให้ต้องทำการบำรุงรักษาแบบแก้ไขชนิดที่ไม่มีแผนซึ่งจะทำให้เสียเวลาในการซ่อมแซมที่ยาวนานและจะนำไปสู่การสูญเสียรายได้เนื่องจากการผลิตที่สูงตามไปด้วย นอกจากนี้ถ้ามีการกำหนดให้ทำการบำรุงรักษาป้องกันมากเกินความจำเป็นก็อาจทำให้เกิดการสูญเสียการผลิตเนื่องจากต้องหยุดเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อทำการบำรุงรักษาที่เกินความจำเป็นดังกล่าว และในบางกรณีอาจเป็นต้นเหตุของการชำรุดเสียหายหรืออาจทำให้ขีดความสามารถของเครื่องจักรและอุปกรณ์ลดลงจากการดำเนินงานบำรุงรักษาด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องอีกด้วย ตัวอย่างเช่น การถอดชิ้นส่วนเก่าของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ยังใช้งานได้ดีอยู่ออกไปแล้วใส่ชิ้นส่วนใหม่ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องเข้าไปเครื่องจักรและอุปกรณ์แทนที่จะยังสามารถใช้งานได้ดีตามกำหนดต่อไปก็จะเกิดการชำรุดเสียหายหรือทำงานไม่ได้ตามที่กำหนด เป็นต้น

              การบำรุงรักษาป้องกันทางอ้อมไม่ได้เป็นกิจกรรมบำรุงรักษาที่จะมีผลโดยตรงต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์ แต่จะเป็นกิจกรรมของการตรวจสอบและเฝ้าติดตามสภาพของวัสดุที่ใช้สำหรับการทำงานของเครื่องจักร(ได้แก่ สารหล่อลื่น และสารหล่อเย็น เป็นต้น )และชิ้นส่วนของเครื่องจักรและอุปกรณ์ รวมถึงปัจจัยต่างๆที่แสดงถึงสภาพการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์เป็นระยะๆหรืออย่างต่อเนื่องตัวอย่างเช่นการตวจสอบและเฝ้าติดตามความดันและอุณหภูมิของน้ำมันไฮดรอลิกของระบบไฮดรอลิกของเครื่องจักรและอุปกรณ์การตรวจสอบและเฝ้าติดตามแรงดันและกระแสไฟฟ้าของมอเตอร์ไฟฟ้าการดูการสั่นสะเทือนของเครื่องจักรการฟังเสียงของตลับลูกปืนในขณะที่เครื่องจักรและอุปกรณ์ทำงานและการตรวจสอบการเสื่อมสภาพของสารหล่อลื่น เป็นต้น ซึ่งเมื่อตรวจพบว่ามีข้อขัดข้องหรือมีสิ่งบ่งบอกถึงการชำรุดเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเครื่องจักรและอุปกรณ์ ก็จะดำเนินการบำรุงรักษาก่อนที่เครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นๆจะชำรุดเสียหายซึ่งถือได้ว่าเป็นการบำรุงรักษาในลักษณะของการป้องกันการชำรุดเสียหายที่จะเกิดขึ้น และจะเห็นได้ว่าการบำรุงรักษาป้องกันทางอ้อมนั้นจะนำไปสู่รูปแบบของการบำรุงรักษาที่จะดำเนินการตามสภาพของวัสดุหรือชิ้นส่วนและสภาพการทำงานที่เป็นจริงของเครื่องจักรและอุปกรณ์เท่านั้น นั่นคือจะดำเนินการเปลี่ยนวัสดุหรือชิ้นส่วนของเครื่องจักรและอุปกรณ์ก็ต่อเมื่อตรวจสอบพบว่าวัสดุหรือชิ้นส่วนนั้นๆกำลังจะชำรุดเสียหายหรือกำลังเสื่อมสภาพเกินขีดจำกัดที่ยอมรับได้หรือดำเนินการปรับแต่งหรือซ่อมแซมเมื่อตรวจสอบพบว่าสภาพการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์แสดงถึงแนวโน้มของการชำรุดเสียหายที่จะเกิดขึ้น หรือมีสภาพอยู่ในระดับที่เกินหรือต่ำกว่าขีดจำกัดที่ยอมรับได้ซึ่งกำหนดไว้ล่วงหน้าโดยไม่ได้กำหนดกิจกรรมและระยะเวลาที่แน่นอนในการดำเนินการปรับแต่งหรือซ่อมแซมไว้เหมือนกับการบำรุงรักษาตามกำหนดเวลาที่แน่นอน จึงนิยมที่จะเรียกการบำรุงรักษาที่ดำเนินการตามผลการตรวจสอบ ( การบำรุงรักษาป้องกันทางอ้อม ) นี้ว่า การบำรุงรักษาตามสภาพ ( condition based maintenance ) และถ้าหากมีการนำเอาผลการตรวจสอบมาวิเคราะห์หาแนวโน้มและคาดคะเนช่วงเวลาของการชำรุดเสียหายที่จะเกิดขึ้นก็นิยมที่จะเรียกกิจกรรมนี้ว่าการบำรุงรักษาคาดการณ์ ( predictive maintenance ) การบำรุงรักษาป้องกันทางอ้อมยังสามารถแบ่งตามวิธีการที่ใช้ในการตรวจสอบออกเป็นอีก 2 ชนิด ( ดูตามรูปที่ 4.4 ) คือ การบำรุงรักษาป้องกันทางอ้อมชนิดใช้ความรู้สึก ( subjective indirect preventive maintenance ) และการบำรุงรักษาป้องกันทางอ้อมชนิดใช้เครื่องวัด ( objective indirect preventive maintenance )
รูปที่ 4.4 ชนิดของการบำรุงรักษาป้องกันทางอ้อม
              การบำรุงรักษาป้องกันทางอ้อมชนิดใช้ความรู้สึกเป็นการตรวจสอบสภาพของวัสดุ ชิ้นส่วน และการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์โดยใช้ความรู้สึกของผู้ตรวจสอบ ได้แก่ การมองดู การหลุดหลวมของชิ้นส่วน ความเรียบร้อยและความสะอาดของเครื่องจักรและอุปกรณ์ การสึกหรอของชิ้นส่วน และการรั่วซึมของของเหลวที่ใช้ในเครื่องจักรและอุปกรณ์ การฟัง เสียงของชิ้นส่วนเครื่องจักรและอุปกรณ์ในขณะทำงาน และเสียงการรั่วของของไหล การสัมผัส การสั่นสะเทือนของเครื่องจักรและอุปกรณ์ และระดับความร้อนของชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องจักรและอุปกรณ์ การดมกลิ่น น้ำมันหล่อลื่นที่ใช้งานแล้ว และการไหม้ของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ และการชิม รสชาติของของเหลวที่ใช้ในเครื่องจักรและอุปกรณ์ เป็นต้น การตรวจสอบสภาพโดยใช้ความรู้สึกต้องอาศัยบุคลากรที่มีประสบการณ์สูงถึงจะสามารถบอกถึงสภาพของเครื่องจักรและอุปกรณ์ได้ค่อนข้างแม่นยำ แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะสามารถบอกได้เพียงว่า วัสดุ ชิ้นส่วน และการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นยังอยู่ในสภาพใช้งานได้ดีหรือมีสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้น ซึ่งการตรวจสอบพบสิ่งผิดปรกติในบางกรณีก็อาจไม่มีเวลาเพียงพอที่จะทำการแก้ไขก่อนที่เครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นชำรุดเสียหายจนต้องหยุดทำงานได้ ทั้งนี้เนื่องจากข้อขัดข้องบางอย่างกว่าที่จะรู้สึกได้ก็ใกล้จะชำรุดเสียหายแล้ว


              การบำรุงรักษาป้องกันทางอ้อมชนิดใช้เครื่องวัดเป็นการตรวจสภาพของ วัสดุ ชิ้นส่วน และการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์โดยใช้เครื่องมือในการตรวจวัด ซึ่งจะให้ความแม่นยำสูงกว่าการใช้ความรู้สึก เครื่องมือวัดที่ใช้ในการตรวจสอบสภาพดังกล่าวมีหลายประเภทและหลายแบบ การเลือกใช้จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้ได้เครื่องวัดที่สามารถใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์และได้ผลตอบแทนคุ้มค่ากับการลงทุนในการจัดหาเครื่องมือวัดนั้นๆมาใช้งาน สำหรับเครื่องมือวัดที่นิยมใช้ในการตรวจสอบก็มี เช่น เครื่องวัดทางไฟฟ้า เครื่องวัดการสั่นสะเทือน เครื่องวัดความหนาด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง เครื่องตรวจสอบการรั่วไหล เครื่องวัดอุณหภูมิ เครื่องวัดความดัน และเครื่องวัดอัตราการไหล เป็นต้น ซึ่งการตรวจสอบโดยใช้เครื่องวัดเหล่านี้เพื่อให้รู้ถึงสภาพของเครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นจำเป็นต้องมีการดำเนินการตรวจวัดอย่างสม่ำเสมอที่นิยมเรียกว่าการเฝ้าติดตามสภาพ ( condition monitoring ) ซึ่งสามารถดำเนินการได้ 2 แบบคือ การเฝ้าติดตามเป็นระยะ ( off-line condition monitoring ) เป็นการดำเนินการเฝ้าติดตามด้วยเครื่องมือวัดที่ไม่ได้ติดตั้งอยู่กับเครื่องจักรและอุปกรณ์ โดยการตรวจวัดจะกระทำตามรายละเอียดของการตรวจสอบ ได้แก่ ค่าที่ต้องตรวจวัด เครื่องมือวัดที่ใช้ ตำแหน่งของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่จะตรวจวัด บุคลากรที่จะทำการตรวจวัด เป็นต้น และตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะต้องมีการบันทึกข้อมูลที่วัดได้เพื่อนำไปวิเคราะห์ต่อไป และการเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่อง ( on-line condition monitoring ) เป็นการดำเนินการเฝ้าติดตามด้วยเครื่องมือวัดที่ติดตั้งหรือต่อโดยตรงเข้ากับเครื่องจักรและอุปกรณ์ จึงทำให้สามารถแสดงค่าที่วัดได้อย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้รู้ถึงสภาพของเครื่องจักรและอุปกรณ์ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งระบบสัญญาณเตือนซึ่งอาจเป็นระบบเตือนด้วยเสียงหรือด้วยแสง ( หลอดไฟฟ้า ) หรือทั้งสองอย่างก็ได้ เข้ากับระบบเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่อง ซึ่งระบบสัญญาณเตือนจะทำงานเมื่อค่าที่อ่านได้เกินขีดจำกัดที่ยอมรับได้หรือเกินระดับที่ควรระวังเป็นต้น  รูปที่ 4.5 แสดงตัวอย่างของเครื่องมือวัดที่ต่อโดยตรงเข้ากับเครื่องสูบ เพื่อเฝ้าติดตามสภาพของเครื่องสูบอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่องจะให้ผลที่ดีกว่าการเฝ้าติดตามเป็นระยะก็ตามแต่มักจะต้องลงทุนสูง จึงมักจะนำไปใช้กับเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีความสำคัญต่อการผลิตและต่อความปลอดภัย และนิยมใช้กับชิ้นส่วนหรือเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกิดการชำรุดเสียหายในเวลาสั้นๆหลังจากตรวจพบว่าเริ่มมีความผิดปรกติเกิดขึ้น


         ค่าที่วัดได้จากการตรวจวัดไม่ว่าจะเป็นการเฝ้าติดตามเป็นระยะหรือการเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่องในบางกรณีอาจบ่งบอกถึงสภาพของวัสดุ ชิ้นส่วน หรือเครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นๆได้ทันที แต่ก็มีอีกหลายกรณีที่จำเป็นจะต่อเอาค่าที่วัดได้มาวิเคราะห์เพื่อให้รู้ถึงสภาพหรือแนวโน้มของสภาพของวัสดุ ชิ้นส่วน หรือเครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นๆ ดังนั้นการดำเนินงานบำรุงรักษาป้องกันทางอ้อมชนิดใช้เครื่องวัดจะต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้และประสบการณ์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องอย่างเพียงพอ

         การบำรุงรักษาป้องกันทางอ้อมและการนำผลการดำเนินการเพื่อไปใช้ในการบำรุงรักษาตามสภาพจะเหมาะสมกับชิ้นส่วนและเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีลักษณะของการชำรุดเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งแน่นอนและไม่แน่นอนคือทั้งที่พอคาดคะเนได้และไม่สามารถคาดคะเนได้ แต่จะต้องมีเวลาเตือนหรือสิ่งบ่งบอกล่วงหน้าก่อนที่การชำรุดเสียหายจะเกิดขึ้น ข้อได้เปรียบของการบำรุงรักษารูปแบบนี้ก็คือทำให้สามารถวางแผนการซ่อมแซมหรือการบำรุงรักษาแก้ไขได้อย่างเป็นระบบ และมีเวลาพอที่จะจัดเตรียมวัสดุและชิ้นส่วนรวมถึงทรัพยากรอื่นๆที่จำเป็นต้องใช้ในการซ่อมแซม เป็นผลให้เวลาที่ต้องหยุดเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อทำการซ่อมแซมลดลง


         ส่วนข้อเสียของการบำรุงรักษารูปแบบนี้ก็คือปริมาณงานบำรุงรักษาและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอาจเพิ่มขึ้น ถ้ามีการตรวจสอบและวิเคราะห์ผลของการตรวจสอบสภาพของวัสดุ ชิ้นส่วน และการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น หากมีการตรวจสอบชิ้นส่วนของเครื่องจักรและอุปกรณ์โดยใช้เครื่องวัดและผลของการวิเคราะห์ข้อมูลที่วัดได้พบว่าสภาพของชิ้นส่วนไม่สามารถใช้งานต่อไปได้ จึงมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนนั้น แต่ในข้อเท็จจริงปรากฏว่าการตรวจวัดที่ได้ดำเนินการไปแล้วไม่ถูกต้องและชิ้นส่วนดังกล่าวยังอยู่ในสภาพที่ดีและสามารถใช้งานได้อีกนาน การเปลี่ยนชิ้นส่วนนั้นจึงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น เป็นผลให้เกิดการสูญเปล่าทั้งในด้านเวลาและค่าใช้จ่าย เป็นต้น นอกจากนี้แม้ว่าการตรวจสอบสามารถทำได้โดยใช้ความรู้สึกของผู้ตรวจสอบ แต่ในหลายๆกรณีการตรวจสอบโดยใช้ความรู้สึกจะไม่สามารถให้ข้อมูลที่แม่นยำและเพียงพอที่จะนำไปวิเคราะห์สภาพของวัสดุ ชิ้นส่วน และการทำงานของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ถูกต้องได้ ดังนั้นถ้าจะดำเนินการบำรุงรักษาตามสภาพให้ได้ผลก็จะต้องมีการลงทุนจัดหาเครื่องมือวัดที่เหมาะสม และลงทุนในการฝึกอบรมบุคลากรด้านบำรุงรักษาให้สามารถใช้เครื่องมือวัดและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากการวัดได้อย่างถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตามหากไม่ดำเนินการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวเองก็อาจจ้างหน่วยงานภายนอกที่มีความชำนาญเป็นผู้ดำเนินการให้ก็ได้ ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ตามมาเช่นกัน สำหรับโรงงานที่เคยใช้วิธีการบำรุงรักษาแก้ไขหรือการบำรุงรักษาหลังเหตุขัดข้องเป็นหลักและจะนำเอาวิธีการบำรุงรักษาป้องกันทางอ้อมมาใช้นั้นจำเป็นต้องมีการปรับระบบการจัดการงานบำรุงรักษาที่เป็นอยู่ให้เข้ากับแนวทางในการดำเนินการบำรุงรักษาป้องกันทางอ้อมนี้ มิฉะนั้นแล้วจะทำให้เกิดปัญหาในการปฏิบัติงานขึ้น เช่น หน่วยงานบำรุงรักษาไม่ได้รับงบประมาณในการจัดหาเครื่องมือวัดที่เพียงพอ บุคลากรไม่ได้รับการฝึกอบรมอย่างถูกต้อง ไม่มีเวลาที่เพียงพอในการวัดและรวบรวมข้อมูล และไม่ได้รับการยินยอมให้หยุดเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อทำการแก้ไขเมื่อได้ตรวจพบว่าได้เกิดข้อขัดข้องที่จะนำไปสู่การชำรุดเสียหายของเครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นๆแล้ว เป็นต้น  

             แนวคิดของการบำรุงรักษาปรับปรุงเกิดมาจากปัญหาของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ไม่สามารถแก้ไขได้โดยการบำรุงรักษาทั้งแบบแก้ไขและป้องกัน ซึ่งได้แก่การชำรุดเสียหายแบบเดิมเกิดขึ้นบ่อย เครื่องจักรและอุปกรณ์ถูกออกแบบมาไม่เหมาะกับสภาพการใช้งานและสภาพแวดล้อมที่เป็นจริง และการบำรุงรักษาทั้งแบบแก้ไขและป้องกันที่จะปฏิบัติต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์กระทำได้ยาก จึงมีความจำเป็นต้องมีการปรับปรุง ดัดแปลง หรือออกแบบบางส่วนของเครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นๆใหม่ เพื่อขจัดการชำรุดเสียหายที่เกิดขึ้นบ่อยให้หมดไป หรือเพื่อให้เหมาะกับสภาพการใช้งานและสภาพแวดล้อม หรือให้สะดวกต่อการบำรุงรักษาทั้งแบบแก้ไขและแบบป้องกัน ดังนั้นการบำรุงรักษาปรับปรุงจึงเป็นการบำรุงรักษาที่สามารถกระทำต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์ทั้งในสภาพที่ชำรุดแล้วหรือในสภาพที่ยังใช้งานได้ดีอยู่ และการบำรุงรักษาป้องกันส่วนใหญ่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ดัดแปลง เพิ่มเติม หรือปรับปรุงชิ้นส่วนของเครื่องจักรและอุปกรณ์ การบำรุงรักษาปรับปรุงนิยมที่จะแบ่งเป็นชนิดต่างๆตามวัตถุประสงค์ของการปรับปรุง (ดูรูปที่ 4.6) คือ การบำรุงรักษาแบบขจัดปัญหาให้หมดไป (design out maintenance) การบำรุงรักษาแบบยืดอายุให้ยาวขึ้น (lifetime extension maintenance) และการบำรุงรักษาปรับปรุงในลักษณะอื่น
รูปที่ 4.6 ชนิดของการบำรุงรักษาปรับปรุง
              การบำรุงรักษาปรับปรุงแบบขจัดปัญหาให้หมดไปเป็นกิจกรรมที่ปฏิบัติต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อขจัดปัญหาที่นำไปสู่การชำรุดเสียหายของเครื่องจักรและอุปกรณ์ให้หมดไป ซึ่งดำเนินการโดยวิเคราะห์เหตุขัดข้องของการชำรุดเสียหายที่เกิดขึ้นกับเครื่องจักรและอุปกรณ์ แล้วทำการแก้ไขที่ต้นเหตุหรือสาเหตุรากของเหตุขัดข้อง ตัวอย่างเช่น การชำรุดเสียหายของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ได้วิเคราะห์แล้วว่าเกิดจากการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง การแก้ปัญหาก็อาจจะต้องมีทั้งการปรับปรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ให้พนักงานควบคุมสามารถใช้งานได้ง่ายโดยให้โอกาสของการเกิดข้อผิดพลาดมีน้อยที่สุด และการฝึกอบรมพนักงานควบคุมเครื่องจักรและอุปกรณ์ให้รู้ถึงวิธีใช้งานที่ถูกต้อง รวมทั้งจะต้องมีการกำหนดมาตรการเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้จะใช้เครื่องจักรและอุปกรณ์อย่างถูกต้อง เป็นต้น ซึ่งจะเห็นว่าการบำรุงรักษาปรับปรุงแบบขจัดปัญหาให้หมดไปมิได้ดำเนินการต่อเครื่องจักรและอุปกรณ์โดยตรงเท่านั้น แต่จะต้องดำเนินการกับปัจจัยที่จะมีผลกับเครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นๆด้วย และถ้าปัญหาทั้งหมดที่จะนำไปสู่การชำรุดเสียหายของเครื่องจักรและอุปกรณ์ถูกขจัดให้หมดไป เครื่องจักรและอุปกรณ์นั้นก็จะมีการชำรุดเสียหายอีกต่อไป  ซึ่งถือว่าเป็นสภาพในอุดมคติที่ต้องการของการบำรุงรักษาหรืออีกนัยหนึ่งก็คือเป้าหมายสูงสุดของการบำรุงรักษาที่ส่งผลให้ความพร้อมใช้งานของเครื่องจักรและอุปกรณ์มีค่าสูงสุดด้วย แต่อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปแล้วการขจัดปัญหาทั้งหมดที่จะนำไปสู่การชำรุดเสียหายของเครื่องจักรและอุปกรณ์ให้หมดไปนั้นอาจไม่สามารถทำได้กับเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้อยู่ในโรงงานทั้งหมดได้ เนื่องจากปัญหาบางอย่างไม่สามารถขจัดให้หมดไปได้หรือถ้าได้ก็จะไม่คุ้มค่ากับการลงทุน นอกจากการขจัดปัญหาของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่ให้หมดไปแล้ว การนำเอาข้อมูลของเหตุขัดข้องและผลการวิเคราะห์หาสาเหตุรากไปใช้ในการออกแบบเครื่องจักรประเภทเดียวกันใหม่ หรือนำเอาไปใช้กำหนดรายละเอียดของเครื่องจักรและอุปกรณ์ประเภทเดียวกันที่จะจัดหามาเพิ่มเติมหรือมาทดแทนของเดิมก็จะได้เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่อาจไม่ต้องการการบำรุงรักษาเลย หรือจะได้เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ง่ายต่อการบำรุงรักษาและไม่เกิดข้อขัดข้องได้ง่ายซึ่งเรียกกิจกรรมนี้ว่าการป้องกันการบำรุงรักษา (Maintenance prevention)

              การบำรุงรักษาปรับปรุงแบบยืดอายุให้ยาวขึ้นนั้นเป็นกิจกรรมของการบำรุงรักษาซึ่งเป็นทางเลือกลำดับถัดไปของของการบำรุงรักษาแบบขจัดปัญหาให้หมดไปในกรณีที่ไม่สามารถขจัดให้หมดไปได้เนื่องจากเหตุผลทางด้านเทคนิค ตัวอย่างเช่น การเสื่อมสภาพของน้ำมันหล่อลื่นอันเป็นผลมาจากการทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ ซึ่งอาจถือว่าไม่สามารถขจัดปัญหาการเสื่อมสภาพของน้ำมันหล่อลื่นดังกล่าวได้เนื่องจากเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ต้องใช้น้ำมันหล่อลื่นนั้นๆไม่สามารถทำงานในสภาวะที่ไม่มีอากาศซึ่งมีออกซิเจนอยู่ได้ เป็นต้น และในกรณีที่สามารถขจัดปัญหาให้หมดไปได้แต่ไม่คุ้มค่ากับการลงทุน ตัวอย่างเช่น การกัดกร่อนของชิ้นส่วนเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกิดจากการเป็นสนิมของเหล็กที่ใช้ทำชิ้นส่วน ซึ่งสามารถขจัดปัญหาให้หมดไปได้โดยการเปลี่ยนไปใช้ชิ้นส่วนที่ทำด้วยเหล็กกล้าไร้สนิม แต่เมื่อวิเคราะห์การลงทุนกับประโยชน์ที่จะได้รับแล้วพบว่าไม่คุ้มค่าการลงทุน เป็นต้น  ในทั้งสองกรณีดังกล่าวข้างต้นแม้ว่าปัญหาข้อขัดข้องจะไม่ถูกขจัดให้หมดไปก็ตาม แต่ไม่ได้หมายความว่าควรจะปล่อยให้ปัญหาข้อขัดข้องดังกล่าวเกิดขึ้นในลักษณะเดิมอีก นั่นก็คือจะต้องนำผลการวิเคราะห์ปัญหาข้อขัดข้องเพื่อที่ขจัดปัญหาให้หมดไปที่ได้ดำเนินการแล้ว มาพิจารณาว่าถ้าไม่สามารถที่จะขจัดปัญหาให้หมดไป จะสามารถยืดเวลาของการเกิดปัญหาข้อขัดข้องหรือยืดอายุการใช้งานของวัสดุหรือชิ้นส่วนออกไปได้หรือไม่ ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนไปใช้น้ำมันหล่อลื่นประเภทน้ำมันสังเคราะห์แทนน้ำมันหล่อลื่นประเภทน้ำมันแร่ซึ่งจะยืดอายุการใช้งานออกไปได้สองเท่าของอายุการใช้งานเดิมและการป้องกันสนิมของชิ้นส่วนโดยใช้สีกันสนิมชนิดพิเศษซึ่งจะสามารถยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนออกไปอีกหนึ่งเท่าของอายุการใช้งานของชิ้นส่วนเดิม เป็นต้น นอกจากนี้การบำรุงรักษาปรับปรุงแบบยืดอายุให้ยาวขึ้นจำเป็นต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าด้วยทุกๆกรณีและจะต้องพิจารณาทางเลือกทุกๆทางที่เป็นไปได้แล้วเลือกวิธีที่ดีและประหยัดที่สุดเสมอ

              นอกจากการบำรุงรักษาปรับปรุงแบบขจัดปัญหาให้หมดไปและแบบยืดอายุให้ยาวขึ้นแล้วยังมีการบำรุงรักษาในลักษณะอื่นที่ถือว่าเป็นการบำรุงรักษาปรับปรุงอีก เช่น การปรับปรุงเครื่องจักรและอุปกรณ์ให้มีการบำรุงรักษาป้องกันทั้งทางตรงและทางอ้อมได้ง่ายขึ้น ตังอย่างเช่น การปรับปรุงตำแหน่งที่จะต้องหล่อลื่นด้วยการอัดจาระบีโดยการนำมารวมกันไว้ที่จุดเดียวเพื่อให้สะดวกต่อการปฏิบัติงาน การจัดทำจุดที่จะเก็บตัวอย่างน้ำมันหล่อลื่นที่จะนำไปทดสอบ การจุดที่จะวัดความดันเพื่อทดสอบการทำงานของระบบไฮดรอลิก เป็นต้น ซึ่งการบำรุงรักษาปรับปรุงในลักษณะอื่นๆดังกล่าวจะถือว่าเป็นการดำเนินการเพื่อขจัดปัญหาให้หมดไปหรือยืดอายุให้ยาวขึ้นก็ได้ ทั้งนี้เพราะผลของการดำเนินการก็จะช่วยทั้งการขจัดปัญหาให้หมดไปและการยืดอายุให้ยาวขึ้นด้วยแล้วแต่ผลที่จะเกิดขึ้นตามมา



โปรแกรมบริหารงานซ่อมบำรุง ที่ทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น